“อนุทิน”ขอประชาชนฉีดวัคซีนเข็ม3 เพิ่มจุดตรวจโควิดเชิงรุก

ข่าวสุขภาพ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

“อนุทิน” ขอประชาชนเข้าฉีดวัคซีนเข็ม3 ชี้ยอดเสียชีวิตคงที่ สะท้อนวัคซีนที่นำมาฉีดให้ประชาชนป้องกันป่วยหนัก-เสียชีวิตได้ สั่งเพิ่มจุดตรวจโควิดเชิงรุก

เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่กลับมาอีกครั้ง หลังเทศกาลปีใหม่ โดยระบุว่า ตัวเลขเพิ่มขึ้น แต่ยอดการเสียชีวิตยังคงที่ แสดงว่า วัคซีนที่นำมาฉีดให้ประชาชนมีประสิทธิภาพป้องกันการป่วยหนัก และป้องกันการสูญเสียได้

“ที่ผ่านมา เราฉีดวัคซีนได้ตามเป้า และประชาชนโดยภาพรวมก็ช่วยกันระมัดระวัง ถือว่าได้ช่วยกันประคองสถานการณ์ ต้องขอขอบคุณความร่วมมือที่เกิดขึ้น สำหรับ ใครถึงคิวรับเข็ม 3 ขอให้มารับบริการได้ทันที”

ปลัด สปน. ให้ ขรก.”WFH”ต่อ ถึง 31 ม.ค.-ตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ สกัดโอมิครอน
โควิดกทม. ขึ้นนำอันดับ 1 “ชลบุรี” ยอดลดอยู่ที่ 3 จับตา นนทบุรี-ปทุมฯ”
นายอนุทิน กล่าวว่า อย่ามองว่า เชื้อโอมิครอน ไม่รุนแรง เพราะในประเทศไทย ยังพบการระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลต้าอยู่ วันนี้ ประชาชนตื่นตัวกันมากในเรื่องของการตรวจคัดกรองหาเชื้อ เป็นเรื่องที่ดี ที่คนไทยไม่ละเลย เพราะการรู้ตัวว่าติดเชื้อเร็ว ก็จะช่วยให้ระมัดระวังตัวเองเร็วขึ้น ไปจนถึงการเข้าสู่ระบบรักษาเร็ว และทำให้การควบคุมโรคในภาพรวมมีประสิทธิภาพดีขึ้น

รมว.สาธารณสุข กล่าวอีกว่า ได้มอบให้ สปสช. ประสานงานคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพิ่มจุดตรวจโควิด-19 เชิงรุก เพื่อสนับสนุนกรุงเทพมหานครและเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน โดยจะเริ่มตรวจตั้งแต่วันที่ 11-21 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป ตั้งเป้าตรวจวันละ 1,000 คน จุดตรวจ คือ ลานจอดรถชั้น 1 อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ โดย คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะเป็นผู้ตรวจ เป็นความร่วมมือระหว่าง สปสช. คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.)

“การตรวจหาเชื้อโควิดดังกล่าว จะใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit หรือ ATK ที่ขึ้นทะเบียนแบบใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ (Professional Use) จะทราบผลตรวจภายใน 30 นาที โดยหากปรากฏว่าผลตรวจเป็นบวกหรือติดเชื้อก็จะเข้าสู่กระบวนการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) หรือในระบบชุมชน (Community Isolation) จากนั้น จะเป็นการพิจารณาของแพทย์ผู้รักษา หากมีอาการมากขึ้น จะให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม จนถึงโรงพยาบาลทั่วๆไป ที่มีเครื่องมือพร้อม เรามีระบบที่พัฒนาขึ้นมาจากองค์ความรู้และประสบการณ์ ซึ่ง เราจะทำทุกวิถีทาง เพื่อลดการสูญเสีย ให้ได้มากที่สุด”นายอนุทินกล่าว

อ้างอิง
https://www.posttoday.com