“กรุงไทย” ผนึก “เอคเซนเชอร์” ตั้งบริษัทร่วมทุน สร้าง Digital Talents รองรับธุรกิจดิจิทัลทั่วโลก

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

“กรุงไทย” สยายปีกขยายธุรกิจ ส่ง “อินฟินิธัส” ผนึก “เอคเซนเชอร์ โซลูชั่นส์” บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ตั้งบริษัทร่วมทุน “Arise by Infinitas” สร้างอัจฉริยะสายพันธุ์ดิจิทัล หรือ “Digital Talents” รองรับแผนขยายธุรกิจของกรุงไทย อินฟินิธัส และพันธมิตรทั้งในไทยและต่างประเทศ ตั้งเป้าสร้างมูลค่ากิจการ 2 หมื่นล้านบาท ภายใน 5 ปี

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า อินฟินิธัสได้จับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท เอคเซนเชอร์ โซลูชั่นส์ จำกัด บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก (Global Technology Firm) โดยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ “Arise by Infinitas” มีสัดส่วนการถือหุ้น 51% : 49% ด้วยทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท เพื่อเป็นศูนย์กลางพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ รองรับการขยายธุรกิจของธนาคาร อินฟินิธัส และพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัท Arise by Infinitas ตั้งเป้าพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่มีมาตรฐาน มีประสบการณ์การทำงานระดับ World class ด้วยการสร้างฐานบุคลากรในประเทศ และดึงกลุ่ม Technology Talents จากต่างประเทศมาร่วมงาน พร้อมมีแผนจัดตั้ง Virtual Office ในอีกหลายประเทศ โดยคาดว่าภายใน 5 ปี จะมีมูลค่ากิจการสูงถึง 20,000 ล้านบาท

“บริษัท Arise by Infinitas ตั้งเป้าดำเนินธุรกิจด้วยแนวทาง TechFin เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนองค์กรรองรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านนวัตกรรมทางการเงิน และการพัฒนาบุคลากร โดยมุ่งพัฒนาโครงการและโซลูชันใหม่ๆ ที่จะเร่งให้ธนาคารกรุงไทยสามารถปรับกระบวนการปฏิบัติงานต่างๆ ให้เป็นดิจิทัล (Digitization) และปรับไปสู่ Cloud-centric Model ได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นรากฐานของการเติบโตในประเทศไทยและในระดับภูมิภาคของธนาคารในระยะยาว”

สำหรับทิศทางของ Arise by Infinitas ที่จะมุ่งไป ประกอบด้วย Agility การสร้างความคล่องตัวในองค์กรเพื่อรองรับธุรกิจในอนาคต รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ Reliablity การสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อเปิดโอกาสสังคมไทย Innovation การสร้างความคิดสร้างสรรค์ เพื่อต่อยอดนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าทุกกลุ่ม Stability การสร้างผลงานที่มีเสถียรภาพและมอบประสบการณ์ที่ดีให้ทั้งลูกค้าและพนักงาน Equality การสร้างความเท่าเทียม ความเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อบรรลุเป้าหมาย

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า การพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลถือเป็นความท้าทายในการเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เพราะประเทศไทยขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยี สะท้อนจากผลศึกษาปี 2564 ของ OECD พบว่า ประเทศไทยขาดแคลนแรงงานระดับผู้เชี่ยวชาญมากกว่าประเทศในกลุ่ม OECD โดยเฉพาะในภาคการเงิน ขณะที่แรงงานที่เพิ่งจบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์มีเพียง 21% ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้ว และต่ำกว่าความต้องการแรงงานในด้านนี้ที่มีสูงถึง 41% ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างธนาคารกรุงไทย โดยอินฟินิธัส บาย กรุงไทย และบริษัท เอคเซนเชอร์ โซลูชั่นส์ จำกัด ในการพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะมาปิดช่องว่างนี้ พร้อมทำให้เศรษฐกิจไทยเดินไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน

นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย ประธานกรรมการ บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารและอินฟินิธัส พร้อมเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ทั้งการยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านดิจิทัลที่มีความเชี่ยวชาญและหลากหลาย ยึดหลัก “One unite goal as a F1 Team” ภายใต้การคิดแบบนอกกรอบ ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในระดับโลก จึงได้จัดตั้งบริษัท Arise เพื่อเพิ่มศักยภาพและทรัพยากรบุคคลทางด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลโดยเฉพาะ เพื่อร่วมกันสร้างโอกาสสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในระดับภูมิภาคและในระดับโลก

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดตัวบริษัท Arise จึงเป็นอีกหนึ่งความหวังของประเทศในการสร้าง word-class talents มาร่วมพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน และตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศ สร้างกลไกตลาดการจัดสรรทรัพยากรเงินทุนให้เข้าถึงได้ทุกคน บนต้นทุนที่เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

นายดิวีเยช วิทลานี่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเอคเซนเชอร์ กล่าวว่า บริษัทเอคเซนเชอร์และธนาคารกรุงไทย เป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน ร่วมสร้างนวัตกรรมและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ส่งเสริมให้คนไทยทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึง เช่น แอปพลิเคชันเป๋าตัง ที่ช่วยให้รัฐบาลสามารถส่งมอบความช่วยเหลือในช่วงวิกฤตโควิด-19 ให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส รวมถึงช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์และการลงทุนต่างๆ ให้ง่ายขึ้น